สมี คืออะไร เกี่ยวข้องอะไรกับ อาบัติปาราชิก 

K

เคยได้ยินคำว่า “สมี” แต่ไม่รู้ว่าสมีคืออะไร ทำไมต้องใช้เรียกบุคคลบางคนด้วยคนั้น ได้แต่สงสัยแล้วก็ลืมไปพักหนึ่ง จนกระทั่งได้ยินคำนี้อีกครั้ง วันนี้จึงจะมาหาคำตอบว่าสมีหมายถึงอะไร ใครที่เคยสงสัยเหมือนกันบ้างคะ เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะ 

เมื่อดูตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได้ระบุความหมายคำว่า สมี ไว้ดังนี้ 

  • [สะหฺมี] น. คำเรียกพระภิกษุผู้ต้องอธิกรณ์ขั้นปาราชิก 
  • (โบ) น. คำใช้เรียกพระภิกษุ 

พจจานุกรม อ.เปลื้อง ณ นคร ได้ระบุควาหมาย สมี ไว้ดังนี้ 

  • [สะ-หฺมี] น. คำเรียกคนที่ถูกสึกจากพระ เพราะต้องอาบัติปาราชิก บุคคลที่เป็นสมีจะบวชอีกไม่ได้ตลอดชีวิต 

ปาราชิก 4 คืออะไร 

ปาราชิก หรือ ปาราชิก 4  คือ การกระทำผิด 4 อย่างที่ระบุไว้ในศีล 227 ข้อ ของภิกษุสงฆ์ ที่หากทำผิดแล้วจะพ้นจากการเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาโดยอัตโนมัติ หรืออาจเรียกว่า ปาราชิกไม่รู้ตัว แม้จะยังไม่ได้กล่าวลาสิกขาก็ตาม เพราะเป็นความผิดที่รู้อยู่กับตัว ไม่สามารถอยู่รวมกับภิกษุอื่น ๆ ได้ และไม่สามารถบวชใหม่ได้อีกตลอดชีวิต และเมื่อพ้นจากสภาพการเป็นภิกษุแล้ว จะไม่ถูกเรียกว่า “ทิด” เหมือนพระที่สึกทั่วไป แต่จะเรียกผู้ผิดศีลปาราชิกว่า “สมี”  

pray of monks on ceremony of buddhist in thailand 2022 11 16 14 01 53 utc

ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก 4 สาเหตุ สังฆาทิเสส มีอะไรบ้าง  

1. อาบัติ การเสพเมถุน ปาราชิกเสพเมถุน คือ ภิกษุมีเสพสังวาสกับสตรี มีเพศสัมพันธ์ระหว่างภิกษุ หรืออมนุษย์ ถือว่าอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุทันที ไม่ว่าจะอยู่ในผ้าเหลืองหรือไม่ก็ตาม 

2. อาบัติ  การลักขโมย คือ เจตนาลักขโมยของที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต 

3. อาบัติ  การฆ่ามนุษย์ ไม่ว่าจะฆ่าด้วยตนเอง หรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่า โดยกรณีนี้ ภิกษุมีเจตนาตั้งใจจะฆ่าเป็นที่ตั้ง ทั้งการคิด การวางแผน ลงมือฆ่า เมื่อไม่ตายก็พยายามจนฝ่ายนั้นตาย 

4. อาบัติ การพูดอวดอ้างอุตริ  โดยในที่นี้หมายภูมิธรรม เช่น อวดอ้างว่าตนบรรลุณาณสมาบัติ เป็นต้น 

thai buddha monk holding buddhist bowl receiving morning food offering

อาบัติปาราชิก โทษมีอะไรบ้าง  

เมื่อภิกษุอาบัติปาราชิกข้อเสพเมถุน เป็นอาบัติหนัก มีบทลงโทษให้พ้นจากการเป็นภิกษุทันที ไม่ว่าจะครองอยู่ในผ้าไตรจีวรหรือไม่ก็ตาม เพราะ ไม่มีความบริสุทธิ์แห่งผู้ดำรงศีลอีกต่อไป และจะถูกจับสึก โดยมีโทษติดตัวไม่สามารถบวชได้อีกตลอดชีวิต ส่วนโทษของพระที่อาบัติปาราชิกในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ จะมีโทษให้ไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง มีหน้าที่หาอาหารให้ช้างศึกได้กินจนอิ่ม ซึ่งเป็นโทษที่คนสมัยนั้นบอกว่าหนักหนากว่าโทษประหารเสียอีก